โควิครอบสุดท้ายกำลังจะผ่านไป ทุกครั้งเวฟการติดเชื้อย้อนกลับมาการ work from home กลายเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นติดๆในแทบทุกครั้ง อันนี้คือคิดจากภาพรวมของตลาดแรงงานนะครับ ไม่ได้บอกว่า “แรงงาน” ทั้งประเทศจะเป็นแบบนี้ เพราะอย่างในภาคบริการ หรือภาคการผลิตที่ต้องอาศัยแรงงาน พนักงานก็หยุดไม่ได้ และจะต้องเดินทางไปทำงานตามปกติ
ทีนี้ผมอยากจะชวนให้นึกย้อนไปก่อนจะเกิดโควิคเมื่อสองปีที่แล้ว ทุกคนในวงการทรัพยากรบุคคล รวมถึงภาคธุรกิจก็จะมีการพูดถึงเรื่องของ digital transformation นั่นคือการปรับเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งถ้าใครไปตามสัมมนาต่างๆ ที่รวมคนทำงานด้านการบริหารคนหรือองค์กรก็จะได้ฟังเรื่องนี้กันจนแทบจะกลายเป็น buzzword ไปแล้ว
และแล้วเรื่องพวกนี้ก็ถูกทำให้เกิดขึ้นจริงด้วยอัตราเร่งที่เร็วกว่าเดิมมากๆ
ในช่วงกลางปี 2020 เราได้ยินคำเกิดใหม่อย่าง new normal (ซึ่งกลายเป็นคำพูดที่ได้ยินในทุกวงการ) ในเชิงที่ว่าทุกสิ่งจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เวลายังคงดำเนินไปพร้อมกับเวฟสอง เวฟสาม (เวฟปัจจุบัน)ที่ตามมา
จนกระทั่งตอนนี้ที่หลายคนเชื่อว่าน่าจะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว เพราะกําหนดการการฉีดวัคซีนต่างๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พนักงานออฟฟิศในหัวเมืองใหญ่ๆ โดยอาจจะเริ่มจากกรุงเทพ ก็จะเริ่มกลับเข้าไปทำงานในสำนักงานกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยต้นปีหน้าเราก็อาจจะย้อนกลับไปเหมือนจุดเริ่มต้นก่อนที่โควิคจะเกิดในต้นปี 2020
ทุกอย่างหมุนวนเป็น cycle แต่สิ่งที่จากฝากรอยประทับไว้ตลอดกาลในจิตใจและสมองของฝ่ายบริหาร ฝ่ายบุคคล คือวิธีการที่เราจะรับมือกับภาวะวิกฤติเหล่านี้
- เราจะ motivate พนักงานที่ทำงานทางไกลอย่างไร
- เราจะออกแบบระบบสื่อสารระหว่างคนในทีมที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
- เราจะวัดผลพนักงานแบบไหน
- เราจะดูแลสุขภาพจิตใจของพนักงานที่ต้องกักตัวอยู่ในบริเวณจำกัดนานๆ ได้อย่างไร
- และอีกมากมาย
เราต้องเจอคำถามพวกนี้มาถึงสามรอบติด และทุกๆครั้งเราจะรีบมือมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ผมจึงอยากขอเชิญชวนให้ทุกท่านในฐานะคนทำงานเกี่ยวกับคนในองค์กร มาช่วยกันแชร์ บทเรียน ที่สำคัญที่สุดที่ท่านได้เรียนรู้ตลอดสองปีที่ผ่านมา
ในปีหน้าวิกฤติจะคลี่คลาย และอะไรที่ไม่ได้ทำให้เราตาย ย่อมทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
มาร่วมแชร์และเรียนรู้ร่วมกันครับ อยากให้แชร์กันคนละข้อก็ได้ครับ ว่าบทเรียนล้ำค่าที่ได้รับมามีอะไรบ้างที่จะเอาไปประยุกต์ใช้ต่อหลังจากนี้ 😊